บริษัท ทับเทวาทัพไท จำกัด ในโอกาสครบรอบ 13 ปีแห่งการเติบโตอย่างมั่นคง ประกาศจุดยืนด้านสิ่งแวดล้อม โชว์ศักยภาพของการเป็น Hub ด้านการขนส่งสินค้า การันตีด้วยรางวัลและมาตรฐานสินค้าและบริการระดับสากล
คุณแพรวา บุณยะวัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทับเทวาทัพไทจำกัด เล่าถึงจุดเริ่มต้นธุรกิจ ว่า เริ่มจากร้านกาแฟสดเมื่อปี 2547 ซึ่งกาแฟสดยังในสมัยนั้นยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เราถือเป็นยุคแรกๆ ของการเปิดร้านกาแฟที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยตอนแรกเรามีความเข้าใจว่ากาแฟอร่อยต้องมาจากเครื่องชงที่มีราคาแพง เราจึงลงทุนซื้อเครื่องชงที่ราคาค่อนข้างสูงมาก แต่ร้านกาแฟก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรในทางกลับกันกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจ ในตอนที่เปิดร้านกาแฟสังเกตเห็นว่าเมล็ดกาแฟ แต่ละที่มีรสชาติไม่เหมือนกัน รวมถึงเครื่องคั่วกาแฟแต่ละยี่ห้อก็ไม่เหมือนกัน ครอบคลุมไปถึงคนที่คั่วกาแฟอีกด้วย
ทำให้รับรู้ข้อมูลว่าปัจจัยที่จะทำให้กาแฟใน 1 แก้ว มีรสชาติที่เสถียรจะเกี่ยวข้องกับคน และขั้นตอนการปฏิบัติงานค่อนข้างมาก ทำให้อยากมีความรู้ที่ลึกซึ้งเรื่องของกาแฟ หรือการทำธุรกิจกาแฟมากขึ้น ส่งผลให้รู้ว่าการทำธุรกิจกาแฟ ไม่ใช่แค่เรื่องของกาแฟเพียงอย่างเดียว แต่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเกษตรกร สายพันธุ์กาแฟ แหล่งเพาะปลูก สภาพดินฟ้าอากาศ หรือแม้กระทั่งแร่ธาตุของอาหารที่อยู่ในดิน ปัจจัยเหล่านี้ คือ ส่วนของการเพาะปลูก
ประการถัดมาเป็นเรื่องการส่งเสริมการเพาะปลูก บริษัทเริ่มค้นหาแหล่งเพาะปลูกกาแฟ รวมถึงศึกษา ค้นคว้าถึงแหล่งกาแฟพันธุ์ดีจนได้รับรู้ว่าโครงการหลวงมีการสนับสนุนการปลูกกาแฟสายพันธุ์คาติมอร์ (Catimor) ที่เหมาะแก่การปลูกในพื้นที่ของประเทศไทยแต่ไม่ได้รับความนิยมจากต่างชาติเท่าที่ควร
หลังจากนั้นมีโอกาสเดินทาง และได้ชิมกาแฟในต่างประเทศ โดยทดลองนำผลสดมาปลูกในประเทศไทย บนพื้นที่ใช้สอยของกองทัพไทยในปี 2552 และเริ่มมีผลผลิตในปี 2554 ฉะนั้น บริษัท ทับเทวาทัพไท จำกัด ถือกำเนิดขึ้นเต็มรูปแบบในปี 2554 ด้วยการเริ่มปลูกและเก็บผลผลิต จึงเริ่มสร้างโรงงาน โดยมีโรงคัดกาแฟ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ ควบคู่กับการศึกษาวิธีการทำกาแฟเพื่อให้อยู่ในระดับมาตรฐานสากล ซึ่งในสมัยนั้นประเทศไทยยังไม่มีใครรู้ว่า เราสามารถปลูกกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าได้ในประเทศไทย พร้อมทั้ง Supply ให้กับคู่ค้าได้ในปริมาณมาก ทางบริษัทจึงเริ่มต้นในการ Supply เมล็ดกาแฟให้กับบริษัทต่างชาติ ฉะนั้น กระบวนการผลิตต่างๆ ของบริษัทจึงถูกกำหนดโดยคู่ค้าของเรา ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากลไปโดยปริยาย
ทั้งนี้ บริษัท ทับเทวาทัพไท จำกัด ยังได้รับรางวัลมาตรฐาน BCG โรงงานสีเขียว รวมถึงโรงงานของเรายังได้มาตรฐาน GMP, มาตรฐาน HACCP, มาตรฐานฮาลาล ซึ่งมาตรฐานเหล่านี้เป็นมาตรฐานในระดับสากล ซึ่งการจะส่งสินค้าไปต่างประเทศ เราต้องพิจารณาว่าเราจะส่งออกไปยังประเทศใด โดยมาตรฐานแต่ละประเทศจะไม่เหมือนกัน ฉะนั้น ธุรกิจกาแฟเป็นพืชสากลสามารถเติบโตด้วยตัวเองได้ และเราก็เติบโตของธุรกิจขึ้นทุกปี
ด้วยประสบการณ์การปลูกกาแฟทำให้เราได้รับรู้ว่า โลกของเรากำลังประสบกับปัญหาสภาวะโลกร้อน สังเกตได้จากผลผลิตกาแฟที่เริ่มลดน้อยลง รวมถึงพื้นที่การเพาะปลูกกาแฟลดลงเช่นกัน ทำให้เราเริ่มสนใจการปลูกป่าโดยใช้กาแฟในการปลูก ประกอบกับความชื่นชอบส่วนตัวที่เป็นคนรักในการปลูกต้นไม้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จนลามมาถึงการปลูกต้นไม้มากกว่าพื้นที่ใช้สอยของโรงงาน และไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศ
คุณแพรวา กล่าวถึงกระบวนการผลิต ว่า บริษัทเลือกใช้เครื่องคั่วมาตรฐานในระดับยุโรปที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และได้รับมาตรฐานในระดับสากล เราค่อนข้างลงทุนในเรื่องของเครื่องจักรโรงงานของเราเป็นโรงงานแห่งแรกที่ใช้เครื่องจักรประเภทนี้จนได้รับมาตรฐาน BCG ถึงแม้ว่าเราเป็นบริษัทในระดับ SMEs แต่มีศักยภาพที่สามารถเอาชนะบริษัทในระดับมหาชนได้ เราเป็น 1 ของบริษัทที่ Success ในเรื่องอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อม อาทิ น้ำสะอาด หรือของเสียที่ออกจากจากโรงงาน หรือแม้กระทั่งเรื่องของขยะที่ไม่มีเศษเหลือใช้จากกากอุตสาหกรรม
อีกทั้ง โครงการช่วยเหลือต่อชุมชน และโครงการโดดเด่นของเรา คือ โครงการจัดจ้างครู เพื่อมาทำการสอนนักเรียนให้กับโรงเรียนที่อยู่ใกล้บริเวณโรงงาน เนื่องจากว่าโรงเรียนใดก็ตามหากมีจำนวนนักเรียนน้อย โรงเรียนอาจจะถูกยุบตัวเพื่อไปรวมกัน ทำให้เด็กๆ ต้องเดินทางไกลเพื่อไปเรียนในต่างอำเภอ โครงการที่เราจัดทำขึ้นนี้ทำให้โรงเรียนที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณโรงงานยังคงเปิดทำการเรียน การสอนตามปกติ ถือเป็นโครงการ CSR ที่ทำมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี และเป็นอีกหนึ่งโครงการที่นอกเหนือจากโครงการปลูกต้นไม้
ตลอดจนผลักดันในเรื่องของกาแฟที่สามารถขายคาร์บอนได้โดยถูกบรรจุอยู่ในแผนการดำเนินงานปี 2567 โดยบริษัทมีโอกาสเข้าไปปรึกษาหารือร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เกี่ยวกับการผลักดันพืชกาแฟ สามารถขายคาร์บอนได้ ด้วยปัจจัยเรื่องของการแข่งขัน บวกกับสภาวะของกาแฟที่มีราคาตกต่ำ ที่ไม่สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับต้นทุนเรื่องค่าแรงเราจึงเข้าไปขอในเรื่องของต้นกาแฟ เพื่อที่สามารถขายคาร์บอนได้ ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจในการดำเนินธุรกิจของบริษัท
“ทับเทวาทัพไท เป็นบริษัทที่ได้ช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นบริษัทอันดับ 1 ในสายธุรกิจกาแฟที่อยู่ในเรื่องของการปลูก ถือเป็นจุดแข็งและจุดเด่นของบริษัท”
ด้านแผนการลงทุนในปีนี้ คุณแพรวา บอกว่า ปี 2567 ถือว่าเป็นปีที่เราต้องเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บวัตถุดิบมากขึ้น เนื่องจากคู่ค้าเรามีการเติบโตมากขึ้น ทำให้เราเติบโตตามไปด้วย รวมถึงเพิ่มจุดกระจายสินค้าตามหัวเมืองใหญ่ เพื่อที่จะเข้าใกล้ลูกค้ามากยิ่งขึ้นอีกทั้ง เพิ่มในเรื่องของเครื่องจักร ส่วนแผนในระยะยาว บริษัทจะเพิ่มพื้นที่ในการเพาะปลูก โดยมีเป้าหมายในทุกๆ ปี ที่ต้องการปลูกกาแฟให้ได้ 2 ล้านต้น
นอกจากนี้ บริษัทวางแผนขยายฐานลูกค้าจากกลุ่มรายใหญ่ให้เป็นรายย่อยมากขึ้น และขยายไปยังตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเรามีจุดแข็งในเรื่องรสชาติ หรือกาแฟพิเศษ ประกอบกับราคาที่อิงราคาตลาดโลก ทำการซื้อขายเป็นไปตามคะแนน ตามความพึงพอใจ ส่วนกาแฟที่เป็นเกรด Commercial บริษัท ทับเทวาทัพไท จำกัด ถือว่าเราเป็น Hub ของการนำเข้ากาแฟจากกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน และส่งออกสู่ตลาดโลก เนื่องจากเราสามารถเป็นจุดกระจายสินค้าได้ดีด้วยภูมิประเทศของบ้านเรา รวมถึงวางแผนที่จะไปเปิดบริษัทในต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ เรามั่นใจว่าบริษัทของเรามีศักยภาพ ด้วยการที่เราเป็น Hub ในด้านการขนส่งสินค้า
คุณแพรวา กล่าวถึงซัพพลายเออร์ของบริษัท ว่า เรามีซัพพลายเออร์ที่เติบโตมาด้วยกัน อยู่ด้วยกันมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ทำธุรกิจด้วยกันจนกลายมาเป็นเพื่อนที่เอื้อต่อกันในการทำธุรกิจ ถึงแม้ว่าเราจะมีจำนวนซัพพลายเออร์ที่ค่อนข้างน้อย แต่เราอยู่กันอย่างเหนียวแน่น และเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ดีตลอดมา
ส่วนความยากง่ายของการทำธุรกิจกาแฟ คุณแพรวาบอกว่า เรื่องคุณภาพที่เสมอต้นเสมอปลาย นั่นคือ ความยากด้วยตัวกาแฟเป็นสินค้าเกษตร ที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพของอากาศ ตามสภาพของดินที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่สิ่งที่ท้าทาย คือ การส่งมอบกาแฟให้ถึงมือลูกค้าโดยที่รสชาติและคุณภาพเหมือนเดิมทุกครั้ง ก็เหมือนกับเวลาเราทำอาหารให้อร่อย ที่ทำแล้วรสชาติอร่อยเหมือนเดิมทุกครั้ง และเป็นสูตรเดิมเสมอ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก สิ่งเหล่านี้เป็นโจทย์ที่โรงงานต้องดำเนินการเพื่อให้อยู่ในเกณฑ์ หรือมาตรฐาน แต่สิ่งที่ง่ายสำหรับบริษัท คือการส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะปลูกกาแฟ เนื่องจากต้นกาแฟทุกต้น เราผลักดันเรื่องการส่งเสริมปลูกเพื่อให้มีอนาคต กับบริษัทอย่างแน่นอน เราบอกกับเกษตรกรเสมอ ว่า “ตราบใดที่โรงงานของเรายังอยู่ เราก็รับซื้อกาแฟอย่างแน่นอน” บริษัท ทับเทวาทัพไท จำกัด เป็นบริษัทที่รับซื้อกาแฟมาอย่างต่อเนื่องควบคู่กับการนำเข้ากาแฟ ยิ่งนำเข้ามากเท่าไหร่ เราก็ต้องรับซื้อภายในประเทศมากเท่านั้น เพื่อให้มีความ Balance กัน
“สุดท้ายนี้ อยากให้มีการปลูกต้นไม้มากขึ้น รวมถึงการรักษาป่าต้นน้ำ เพื่อป้องกันไฟป่า เนื่องจากมีการเผาป่าอยู่บ่อยครั้ง โดยช่วงหลังๆ พบว่าภาคเหนือถือเป็นพื้นที่ที่กลายเป็นเขตที่เป็นพิษทางอากาศ ถือเป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง อยากให้ตระหนักถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องปัญหาโลกร้อน สำหรับพวกเราบริษัทเอกชน ถือว่าเราทำเต็มที่กับเรื่องสิ่งแวดล้อม เต็มที่ในการปลูกต้นมากกว่าการผลิตถือว่าตัวเราเป็นเกษตรอุตสาหกรรม” คุณแพรวา กล่าวทิ้งท้าย
Comments