การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ประกาศแนวทางขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย พร้อมมอบรางวัล และมาตรฐานเพื่อการันตีผู้ประกอบการไทยหวังดึงเม็ดเงินเข้าประเทศสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ให้สัมภาษณ์พิเศษ ว่า ททท. ได้กำหนดเป้าหมาย และวิสัยทัศน์อย่างชัดเจนในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่มีความเป็นผู้นำเชิงยุทธศาสตร์ในการส่งมอบประสบการณ์ที่มีคุณค่าให้กับนักท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยเน้นเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีอัตราการใช้จ่ายสูง ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และมีความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อให้เกิดเป็นระบบนิเวศทางการท่องเที่ยวใหม่ที่สมดุลและยั่งยืน เนื่องจากต้นทุนของทรัพยากรทางการท่องเที่ยวล้วนมาจากธรรมชาติ ดังนั้นภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจึงต้องตระหนัก ให้ความสำคัญ และเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่อย่างยั่งยืน
สำหรับปี 2567 นี้ ททท. เน้นเรื่องของ High Value กับ Sustainability มุ่งส่งมอบประสบการณ์ที่มีคุณค่า มีความหมายให้กับนักท่องเที่ยว เนื่องจากพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวในปัจจุบันมีความต้องการที่จะสัมผัส หรือแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับบุคคลในท้องถิ่นโดยตรง ผ่านกิจกรรมการท่องเที่ยวต่างๆ ที่เชื่อมโยงอยู่กับวัฒนธรรม วิถีชีวิต ภูมิปัญญา ประเพณี ล้วนเป็นเสน่ห์และอัตลักษณ์ที่แตกต่างกันไป และส่วนสำคัญของการสร้างประสบการณ์เหล่านั้น นั่นคือ คนไทย และ “การเป็นเจ้าบ้านที่ดี”คือ หัวใจหลักที่จะทำหน้าที่ส่งมอบประสบการณ์ที่มีคุณค่าและความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวอย่างไม่รู้จบ จนเกิดการเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทยซ้ำในที่สุด การบริหารจัดการจากแนวคิดวิสัยทัศน์ดังกล่าว เราแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ
1.Drive Demand กระตุ้นความต้องการเดินทางท่องเที่ยวผ่านการสร้างความรับรู้ความน่าสนใจของประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรในการให้บริการข้อมูลและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว เกี่ยวกับการเดินทางต่างๆ เช่น การจองที่พัก การเดินทางไปแหล่งท่องเที่ยว การเลือกซื้อสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถหาข้อมูลต่างๆ และสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยได้ทันที
2.Shape Supply คือ การยกระดับห่วงโซ่อุปทาน ภายใต้ความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนในด้านการบริการต่างๆ จึงเป็นที่มาของการดำเนินโครงการมอบรางวัลแก่สถานประกอบการที่เข้าเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาสินค้าและการให้บริการด้านการท่องเที่ยวของผู้ประกอบการ อาทิ รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) , โครงการ STAR : Sustainable Tourism Acceleration Rating มอบประกาศนียบัตร
3.Strive for Excellence ยกระดับองค์กรสู่องค์กรสมรรถนะสูง มุ่งสู่การเป็น Data Driven Organization เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการตลาด มีการใช้ข้อมูลที่ทันสมัย เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
“ดาวแห่งความยั่งยืน” แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ผ่านเกณฑ์ STGs หรือแม้กระทั่งมาตรฐาน SHA ที่มีส่วนสำคัญในช่วง โควิด-19 ที่ผ่านมา สิ่งสำคัญ คือ เรื่องสิ่งแวดล้อมต้องมีการบริหารจัดการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมเราจึงมีการใช้มาตรฐานในเรื่องของมาตรฐาน STAR โดยใช้การดัดแปลงจากแนวคิดเรื่องของ Sustainable Development Goals ขององค์การสหประชาชาติ มาดัดแปลงเป็น Sustainable Tourism Goals ประกอบด้วย 17 ข้อ อาทิ เรื่องการใช้น้ำสะอาด, การกำจัดขยะ เป็นต้น โดย 17 ข้อเหล่านี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับเรื่องท่องเที่ยวได้ทั้งหมด
วัตถุประสงค์ในการมอบรางวัลให้กับผู้ประกอบการนั้นเราต้องการให้ประเทศไทยเป็น Quality Designation ฉะนั้น การผลักดันให้ผู้ประกอบการได้มีการพัฒนาตัวเองเพื่อยกระดับการให้บริการ ส่วนหนึ่ง คือ การให้รางวัลเสมือนการเชิญชวนให้พัฒนาทักษะและความรู้ต่างๆ ในด้านการท่องเที่ยว ไปถึงจุดที่ ททท. ได้กำหนดไว้ ซึ่งพบว่า ปัจจุบันมีกลุ่มผู้ประกอบการให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการ STAR จำนวนมาก ซึ่งและ ททท.ตั้งใจที่จะเดินหน้าเพื่อยกระดับมาตรฐานของผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง นอกจากการมอบรางวัลแล้ว ททท. ยังจะสนับสนุนผู้ประกอบการที่ได้รับมาตรฐานฯ โดยมอบสิทธิประโยชน์ด้านการตลาดผ่านการประชาสัมพันธ์ต่างๆ และการพิจารณาเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของ ททท. เพื่อให้ประชาชนรับรู้เกี่ยวกับสถานประกอบการที่ได้รับรางวัล ถึงมาตรฐาน และการใช้บริการสถานประกอบการที่ดีมีคุณภาพ
ทั้งนี้ ททท. ยังคงตั้งเป้าในการเร่งประชาสัมพันธ์ประเทศไทยให้มากขึ้น เนื่องจากช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวหายไปเกือบ 100% เราคาดหมายว่า ภายใน 1-2 ปีจะพลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 100% ซึ่งนโยบายในปี 2567 นี้ตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยว 35 ล้านคน และรายได้ที่จะเข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 3 ล้านล้านบาท
สำหรับตลาดในประเทศ จะมีการกระตุ้นการท่องเที่ยวแบบกระจายสร้างในเรื่องของการรับรู้ อาทิ การท่องเที่ยวเมืองรองการท่องเที่ยววันธรรมดา การท่องเที่ยวเชื่อมโยงภูมิภาค ภายใต้แนวคิดหลักของแคมเปญ “สุขทันทีที่เที่ยวไทย” เน้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวสัมผัสความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยว และอัตลักษณ์ Soft Power ของประเทศไทย ได้แบบ 365 วัน ตลอดทั้งปี ทางภาครัฐเองจะทำในเรื่องการส่งเสริมการลงทุน เพื่อขยายสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อการรองรับ และเพียงพอต่อนักท่องเที่ยว
สำหรับตลาดต่างประเทศ จะเน้นเจาะตลาดที่มีศักยภาพมากขึ้น นักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ๆ มากขึ้น รวมถึงรักษาฐานลูกค้าเดิม นอกจากนี้ ยังนำเอาเรื่องของอาหารไทย เข้ามาส่งเสริมด้านการลงทุนเพิ่มขึ้น เพื่อให้เห็นถึงความหลากหลายของอาหารไทย ตลอดจนเรื่องความสะดวกในการเดินทาง เราได้ประสานงานกับรัฐบาลในการช่วยสนับสนุนในการเดินทาง เช่น การขยายระยะเวลาของวีซ่า จาก 30 วัน เป็น 90 วัน หรือแม้กระทั่งยกเลิกใบ ตม.6 ที่ค่อนข้างใช้ระยะเวลา อีกทั้ง อำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยวผ่านมาตรการต่างๆ เช่น สนับสนุนมาตรการยกเว้นการตรวจตราวีซ่าของนักท่องเที่ยวชาวจีน คาซัคสถาน หรือการขยายระยะเวลาวีซ่าของบางประเทศ และสนับสนุนปัจจัยต่างๆ อาทิ การเพิ่มจำนวนเที่ยวบินของสายการบิน การจัด Joint Promotion กับผู้ประกอบการท่องเที่ยว ตลอดจนส่งเสริมการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งในระดับท้องถิ่น ภูมิภาค ประเทศ และระดับโลก เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทย
นายนิธี กล่าวทิ้งท้ายว่า อยากจะฝากให้ทุกคนให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ทั้งการประหยัดพลังงาน หรือลดมลภาวะ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเอง มีการสนับสนุนและมีแนวคิดการท่องเที่ยวแบบ Low Cabon หรือการท่องเที่ยวแบบสีเขียว ก็อยากจะฝากให้ทุกคนลดการเดินทาง หรือถ้าหากจำเป็นต้องเดินทาง ก็อาจจะเลือกเดินทางกับยานพาหนะที่ใช้พลังงานทางเลือก หรือถ้าสามารถ Work From Home ได้ยิ่งดี เพื่อนำไปสู่การประหยัดพลังงาน เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีมีการพัฒนาไปค่อนข้างไกลและเพื่อให้สะดวกกับการท่องเที่ยวในประเทศก็สามารถ Workation โดยทำงานควบคู่กับการท่องเที่ยวไปด้วยกัน
Comments